วันที่ 5 กรกฎาคม 2562 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พร้อมด้วยนายหัฒศนัย ไกรบุตร หรือวินัย ไกรบุตร ร่วมแถลงข่าวการรักษาอาการป่วยอย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุม 1210 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรคตุ่มน้ำพอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากภูมิต้านทานในร่างกาย ภูมิต้านทานของคนเรานั้นมีหน้าที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม และมะเร็ง คล้ายกับตำรวจ ทหาร ที่คอยปกป้องประเทศ ต้องฆ่าศัตรูโดยต้องไม่ทำร้ายประชาชนของตนเอง แต่บางครั้งภูมิต้านทานเหล่านี้ก็จำผิด เลยกลับมาทำอันตรายอวัยวะของตนเองทำให้เกิดโรค แพ้ภูมิ ตัวเองขึ้น
โรคตุ่มน้ำพอง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ใช่โรคหายาก สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่มาทำลายโครงสร้างที่ทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหลุดออกจากกันกลายเป็นตุ่มน้ำและแผลถลอก รอยโรคสามารถพบได้ทั้งผิวหนังและเยื่อบุ โรคที่พบบ่อย มี 2 กลุ่ม ได้แก่ โรคเพมฟิกัสและโรคเพมฟิกอยด์
ในกรณีคุณเมฆ-หัฒศนัย (วินัย) แพทย์ได้ตรวจในหลายวิธีพบว่าเป็นโรคเพมฟิกอยด์ เกิดจากมีการหลุดลอกของชั้นหนังกำพร้าออกจากชั้นหนังแท้ จะเกิดการแยกชั้นของผิวหนังที่ลึกกว่า แต่ก็มักจะกินบริเวณไม่กว้างมากนัก ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการผื่นแดงคันนำมาก่อน ต่อมาเริ่มมีตุ่มน้ำใสขนาดต่างๆ กัน โดยตุ่มน้ำมีลักษณะพอง แตกยากหรืออาจแตกออกเป็นแผลถลอก รอยโรคที่เยื่อบุพบได้น้อยกว่าโรคเพมฟิกัส และมักไม่เจ็บ โดยทั่วไปความรุนแรงของโรคมักน้อยกว่าเพมฟิกัส โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง การรักษาจะใช้ยาสเตียรอยด์และยากดภูมิคุ้มกันในระยะแรกและค่อยๆ ปรับตามความเหมาะสม การรักษาที่ต้นเหตุบางทีจะไม่เห็นผลในทันที อาจจะใช้เวลานานกว่าแต่หวังผลระยะยาวว่าจะคุมโรคได้ดีกว่า
นายหัฒศนัย (วินัย) ไกรบุตร กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าเป็นโรคนี้จะมาเจอกับตัวเอง ขอขอบคุณแฟนคลับรวมผลคนรักเมฆ นักวิ่ง ที่ส่งกำลังใจมาให้ ขอบคุณสภากาชาดไทย ขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาลและพนักงานที่ดูแลอย่างดีตั้งแต่แรก ขอสัญญาว่าจะรักษาจนหายจริงๆ
สำหรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคตุ่มน้ำพอง ควรทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ บริเวณที่เป็นแผลให้ใช้น้ำเกลือ(Normal saline)ทำความสะอาด ไม่แกะเกาผื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีแผลในปาก ควรงดอาหารรสจัด งดรับประทานอาหารแข็ง เช่น ถั่ว ปลาแห้ง ของขบเคี้ยว เนื่องจากอาจกระตุ้นการหลุดลอกของเยื่อบุในช่องปาก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ไม่ควรใส่เสื้อผ้ารัดคับ เพื่อลดการถลอกที่ผิวหนัง หลีกเลี่ยงแสงแดด และความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องมารักษาต่อเนื่องมาตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ ทานยาต่อเนื่อง ไม่ควรลดหรือเพิ่มยาเองและดูแลรักษาแผลอย่างถูกวิธี จะช่วยให้โรคสงบได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่มีรอยโรคใหม่เกิดขึ้น